วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

แก้วมังกร (2) เกษตรคนเก่ง ปลูกแก้วมังกรทำเงิน

"จิตนา วรศรี" ปลูกแก้วมังกรทำเงิน

เกษตร : เกษตรคนเก่ง
วันพุธที่ 15 กันยายน 2553
 

หลังเปลี่ยนจากสละมาปลูกแก้วมังกรกลับสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำสำหรับ "จิตนา วรศรี" เกษตรกรวัย 52 ปี ใน ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ก่อนหน้านี้ปลูกไว้ประดับบ้านเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังไม่มีเกษตรกรรายใดปลูกเพื่อการจำหน่ายอย่างจริงจัง จึงทำให้เธอเริ่มหันมาสนใจเรียนรู้การปลูกแก้วมังกรมากขึ้น เพราะเห็นช่องทางว่ามีเกษตรกรปลูกน้อยในพื้น จ.พัทลุง ผลผลิตน่าจะเป็นที่ต้องการของตลาด

จิตนา เล่าว่าเริ่มต้นจากนำต้นพันธุ์จาก จ.ราชบุรี มาปลูกจำนวน 10 ต้น โดยปลูกผสมผสานทั้งทุเรียน ลองกอง มังคุด เงาะ สละเนินวง สละอินโด บนเนื้อที่ 30 ไร่ จากการเรียนรู้ทำให้ทราบว่าแก้วมังกรเป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่มีโรค แมลงรบกวน ไม่ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ยมากนัก และให้ผลผลิตหลังจากออกดอกเพียง 40 วัน แก้วมังกรที่ปลูกให้ผลผลิตในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคม

 เธอเผยถึงการดูแลรักษาว่า ไม่ยุ่งยาก เพียงแต่เตรียมพันธุ์แก้วมังกร โดยคัดเลือกตัดต้นแก่ ขนาด 50 เซนติเมตร แล้วนำไปพักไว้ในที่ร่มราว 30 วัน ก็จะมีรากงอกออกมา ระหว่างนั้นก็เตรียมแปลงปลูกโดยปลูกระยะ 3 เมตร คูณ 3 เมตร ใช้ค้างคอนกรีต ขนาด 4 นิ้ว ยาว 2.5 เมตร ฝังดิน 50 เซนติเมตร ที่ปลายเสาทำกากบาท เพื่อนำยางรถสิบล้อ ที่ผ่า 2 ซีก ไปวางพาดกากบาทให้เป็นค้างให้แก่แก้วมังกรต่อด้วยการเตรียมหลุมปลูกทั้ง 4 ด้าน 4 ต้น แล้วมัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับหลัก หมั่นรดน้ำ ไม่ให้แฉะ เพราะจะทำให้ต้นแก้วมังกรเน่า หลังจากนั้นก็ใส่ปุ๋ยคอกเป็นหลัก

 หลังจากปลูกได้ 8 เดือน ถึง 1 ปี แก้วมังกรจะเริ่มให้ผลผลิต ปีแรกแก้วมังกรจะให้ผลประมาณ 30 ผล ต่อค้าง และให้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นในปีที่ 4 โดยแก้วมังกร จะให้ผลผลิตประมาณ 300 ผลต่อค้าง ส่งขายตลาดในพื้นที่ในราคากิโลกรัมละ 25-30 บาท ขณะนี้แก้วมังกรที่ปลูกมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยเฉลี่ยรายได้ต่อปีที่ขายแก้วมังกรประมาณ 1.5-2 แสนบาท มีกำไรกว่าผลไม้ทุกชนิดที่ปลูกในสวน

ปัจจุบันแก้วมังกรของเธอมีอยู่ 2 พันธุ์คือพันธุ์เนื้อสีขาว และเนื้อสีแดง เพราะพันธุ์เนื้อแดงกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น  

หากใครสนใจเข้ามาเรียนรู้การปลูกแก้วมังกรที่สวนยินดีให้ความรู้โดยไม่ปิดบัง ติดต่อได้ที่บ้านเลขที่ 220 หมู่ 5 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง หรือโทร.0-7460-0055

"กันยา ขำนุรักษ์ "

ที่มา หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 15 กย. 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น