วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

แก้วมังกร (10) พืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ในลุ่มน้ำปากพนัง

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 23 ฉบับที่ 489
แก้วมังกร พืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ในลุ่มน้ำปากพนัง 
เทคโนโลยีการเกษตรนิพนธ์ สุขสะอาด Suksaad@hotmail.comแก้ว มังกร พืชเศรษฐกิจที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนลุ่มน้ำปากพนัง โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเยี่ยมแปลงปลูกแก้วมังกร ในอำเภอปากพนัง ซึ่งสร้างรายได้ และสร้างความหวังให้กับเกษตรกร ปลูกแบบยกร่องในแปลงไร่นาสวนผสม เจริญเติบโตได้ดี อายุการให้ผลผลิตเร็ว ต้านทานโรคแมลง เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เป็นที่สนใจและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของคนลุ่มน้ำปากพนัง

คุณ จรูญ แดงขาว มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คือผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 11 ตำบลป่าระกำ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ประธานศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน กรรมการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ตำบลป่าระกำ ฯลฯ และเป็นเกษตรกรผู้นำคนสำคัญในหมู่บ้าน/ตำบล ตามบทบาทที่ได้รับมอบหมายจากกรมส่งเสริมการเกษตร และการจัดทำแปลงปลูกแก้วมังกร ในโครงการส่งเสริมการเกษตรในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของผู้ใหญ่จรูญ เริ่มดำเนินการในปี 2549 ในพื้นที่ 3 ไร่ โดยปลูกแก้วมังกรเป็นพืชหลัก จำนวน 200 หลัก และปลูกพืชแซมอื่นๆ ตามฤดูกาล เช่น พริก ฟักทอง เลี้ยงปลา ฯลฯ ขณะนี้พืชหลักให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจและกำลังขยายผลไปสู่เกษตรกรรายอื่นๆ

ผู้ใหญ่ จรูญ เล่าให้ฟังว่า ตนได้ตัดสินใจปลูกแก้วมังกร ตามคำแนะนำของ คุณเกษม ดุกสุขแก้ว เกษตรตำบลป่าระกำ ซึ่งในตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะได้ผล แต่ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเกษตรตำบล เลยรับโครงการมาดำเนินการ ครั้งแรก ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการ งบประมาณโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งฟาร์ม ในการจัดซื้อต้นพันธุ์แก้วมังกร จำนวน 400 ต้น ท่อคอนกรีต ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว ยาว 2 เมตร จำนวน 200 ต้น กางเขนเหล็ก 200 อัน และศาลาเรียนรู้ ขนาด 4X6 เมตร จำนวน 1 หลัง โดยที่ผู้ใหญ่จรูญได้แนะนำขั้นตอนการปลูกและการดูแลแก้วมังกร ดังนี้



วิธีการปลูก

ปลูก บนคันดิน ขนาดกว้าง 6 เมตร โดยปลูกแถวเดียวระยะห่างระหว่างหลุม 2 เมตร ก่อนปลูกเตรียมแปลงโดยกำจัดวัชพืช ไถพรวน ขุดหลุม รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ และยืนเสาหลัก (ท่อคอนกรีต) โดยการฝังลึกประมาณ 20 เซนติเมตร เทคอนกรีตให้แน่นเพื่อป้องกันเสาล้ม เมื่อคอนกรีตแห้งเสายืนแข็งแรงแล้ว นำต้นพันธุ์แก้วมังกรลงปลูกในหลุม หลักละ 2 ต้น หลังจากปลูกเสร็จใช้เชือกมัดยอดต้นแก้วมังกรให้เกาะติดกับเสาคอนกรีต ด้านบนให้นำน้ำใส่ในท่อจนเต็ม เพื่อเพิ่มความชื้น และหมั่นรดน้ำ 2-3 วัน/ครั้ง และต้องคอยกำจัดวัชพืช และสังเกต ถ้าหากแก้วมังกรแตกยอดใหม่ให้ใช้เชือกมัดติดกับเสาหลักทุกยอด จนกว่าจะขึ้นถึงยอดเสาหลัก จึงวางกางเขนเหล็ก เพื่อให้กิ่งแขนงพาดบนกางเขนในลักษณะแผ่ออกด้านข้างรอบๆ หลัก

สำหรับ การใส่ปุ๋ย ในช่วงแรกที่แก้วมังกรยังไม่ให้ผลผลิต ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 25-7-7 อัตรา 1 กำมือ/1 ค้าง หรือ 1 หลัก ใส่เดือนละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 2 เดือน/ครั้ง ครั้งละ 1-2 กิโลกรัม และใช้ไคโตซาน อัตรา 2 ช้อน/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น ทุก 10 วัน และใช้น้ำหมักชีวภาพผสมน้ำรดบ่อยๆ จนกระทั่งแก้วมังกรอายุ 8-9 เดือน เริ่มออกดอก ปุ๋ยเคมีเปลี่ยนมาใช้สูตร 15-15-15 อัตรา 2 กำมือ/ครั้ง/เดือน ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ และสารสกัดไคโตซานยังใช้คงเดิม และในช่วงติดผล ใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 2-3 กำมือ/ค้าง

การติดดอกออกผล สังเกตว่า กิ่งที่จะให้ผลผลิตจะต้องเป็นกิ่งที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ยอดแข็ง

(มี รอยนูนชัดเจนที่ตาหนาม) แก้วมังกรจะออกดอกในช่วงที่มีวันยาว หรือตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นต้นไป เมื่อสังเกตเห็นว่า บริเวณตาหนามของกิ่งที่แก่ มีรอยนูนชัดเจน แสดงว่าเป็นตาดอก นับไปอีกประมาณ 7-10 วัน จนเห็นตาดอกแทงออกมาประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ตาดอกจะพัฒนาเร็วมาก จากนั้นอีกประมาณ 10 วัน จะพัฒนาเป็นดอกตูม อีกประมาณ 13 วัน ดอกจะบาน โดยดอกจะเริ่มบานในช่วงกลางคืนถึงเช้า และดอกจะหุบในช่วง 8-9 โมงเช้า หลังจากดอกบานนับไปอีก 22 วัน แก้วมังกรจะสุกเก็บเกี่ยวได้



วิธีการดูแลรักษา

ใน ช่วงติดผล มักจะพบศัตรูพวกมดง่าม กัดกินตาดอก กำจัดโดยใช้เหยื่อพิษ (กากมะพร้าวผสมยาฆ่าแมลง) ส่วนในช่วงผลสุกจะมีศัตรูพวก นก หนู ทำลายบ้าง แต่ไม่มาก หลังจากเก็บเกี่ยว จะต้องตัดแต่งกิ่งทิ้งบ้าง โดยเฉพาะกิ่งแก่ที่เคยให้ผลแล้ว จะติดผลน้อย ควรตัดทิ้ง เมื่อตัดแล้วจะแตกหลายยอด จะให้ผลผลิตได้มากกว่า จะตัดแต่งใหญ่ในช่วงหลังการเก็บเกี่ยว คือ ประมาณปลายเดือนตุลาคม หลังจากตัดแต่ง บำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ จะทำให้กิ่งสมบูรณ์ เมื่อถึงฤดูถัดไปก็จะให้ผลผลิตเร็วและออกผลมาก



ต้นทุนการผลิต

งาน ปลูกแก้วมังกรจะลงทุนค่อนข้างสูงในช่วงแรก ได้แก่ ค่าเสาคอนกรีต ค่าต้นพันธุ์ และอุปกรณ์ ประมาณต้นละ 230 บาท แต่สามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี ในปี 2553 นี้แก้วมังกรชุดแรกมีอายุ 4 ปี ให้ผลเฉลี่ย 30 ผล/หลัก ซึ่งคาดว่าจะให้ผลไปได้ประมาณ 15 ปี เมื่อเห็นว่าได้ผลแน่นอน ตนเองและเพื่อนบ้านได้วางแผนปลูกเพิ่ม โดยตนเองปลูกเพิ่มอีก 400 ค้าง และของเพื่อนบ้านอีกประมาณ 300 ค้าง คาดว่าในอนาคตตนจะปลูกแก้วมังกรเพิ่มให้ครบ 10,000 ค้าง และไม่นับรวมผู้ที่มาศึกษาดูงานจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ที่นำความรู้ไปขยายผล ตามบทบาทของศูนย์เรียนรู้ และจุดสาธิตทางการเกษตร

แก้ว มังกร นับเป็นพืชที่ขายง่ายอีกชนิดหนึ่ง ผลผลิตที่ได้จะมีเกษตรกรเพื่อนบ้าน ข้าราชการ และพ่อค้าทั้งใกล้-ไกล จะมาซื้อถึงสวนทุกวันที่ทราบว่าผลผลิตแก้วมังกรสุกตัดได้ โดยส่วนใหญ่จะสอบถามล่วงหน้าทางโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าตลาดยังไปได้ดี

คุณ จรูญ บอกว่า ตนเองและครอบครัว รวมทั้งคนในชุมชนมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในชีวิต ที่ได้มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จและถวายรายงาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่เสด็จฯ ทรงเยี่ยมความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในอำเภอปากพนัง และเสด็จฯ ทรงเยี่ยมแปลงปลูกแก้วมังกรของตนเอง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551

ท่าน ใดสนใจจะขอคำแนะนำเพิ่มเติม หรือจะขอซื้อผลผลิตแก้วมังกรไปรับประทาน ติดต่อโดยตรงที่ ผู้ใหญ่จรูญ แดงขาว โทรศัพท์ (081) 113-5894 ได้ทุกวัน


ที่มา หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05052151053&srcday=&search=no 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น