วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

มะละกอ (3) พันธุ์ครั่ง 2 ไร่ เก็บผลผลิตได้ 5 ตันภายใน 4 เดือน

ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง 2 ไร่ เก็บผลผลิตได้ 5 ตันภายใน 4 เดือน

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 51

มะละกอ พันธุ์ครั่งจัดเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำส้มตำโดยเฉพาะ เนื่องจากมีลักษณะเด่นคือ เนื้อมีความกรอบ มีสีขาวขุ่น รสชาติหวานเล็กน้อยและไม่แข็งกระด้าง ในด้านการผลิตจัดเป็นมะละกอที่คงสภาพอยู่ได้นานโดยไม่เหี่ยวและคุณภาพเนื้อ ไม่เปลี่ยนนานถึง 7 วัน มีความทนทานต่อโรคไวรัสจุดวงแหวนได้ดีพอสมควร ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะละกอพันธุ์นี้สีของต้นจะมีจุดประสีแดงอมม่วงตามต้น หรือสีเหมือนครั่ง ในระยะต้นอ่อนก้านใบจะมีสีม่วงและสีของก้านจะจางลงเมื่อต้นมีอายุมากขึ้น ที่สำคัญจัดเป็นสายพันธุ์มะละกอที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 4-5 เดือนเท่านั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ และมีตัวอย่างเกษตรกรคือ คุณยุพิน บั้งทอง บ้านเลขที่ 91 หมู่ 11 บ้านร่องกอด ต.บุ่งคล้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ 67110 ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งในพื้นที่เพียง 2 ไร่ อายุต้นเพียง 4-5 เดือน เก็บผลผลิตขายไปแล้วถึง 5,000 กิโลกรัม (5 ตัน)

ก่อน หน้านี้คุณยุพินมีอาชีพในการปลูกผัก เช่น กะหล่ำดอกและถั่วฝักยาวมาก่อน ประสบปัญหาขายผลผลิตได้ราคาต่ำไม่คุ้มกับการลงทุน จึงได้เปลี่ยนพื้นที่ 2 ไร่ มาปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง โดยซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาเมล็ดละ 1 บาท และเตรียมแปลงปลูกโดยใช้ระยะปลูก 3x3 เมตร มีการเตรียมแปลงปลูกแบบยกลูกฟูกเพื่อให้มีการระบายน้ำที่ดีและปลูกแบบแถว เดี่ยว จากการเดินดูในแปลงปลูกจัดได้ว่าค่อนข้างสะอาด โคนต้นมะละกอจะคลุมด้วยฟางข้าวเพื่อลดปัญหาวัชพืช (ไม่มีการใช้ยาฆ่าหญ้า) คุณยุพินบอกว่าในการปลูก  มะละกอพันธุ์ครั่ง “น้ำ” เป็นหัวใจสำคัญมากจะต้องให้อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูก ปุ๋ยเคมีจะให้สูตร 13-13-21 เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ต้นละ 1 กำมือ ในแต่ละหลุมปลูกจะมีมะละกอเพียงต้นเดียว เพื่อที่จะได้ต้นมะละกอที่อวบอ้วน ผลจะใหญ่และสมบูรณ์

คุณยุพินบอกว่าหลังจากที่มะละกอครั่งเริ่มออกดอก นับไปอีก 30-45 วัน เก็บผลผลิตขายดิบได้แล้ว และเป็นที่สังเกตว่าขายได้ทั้งลูกกลมและลูกยาว เนื่องจากผลที่เป็นลูกกลมจะมีความยาวของผลประมาณ 30 เซนติเมตร ทุกวันนี้คุณยุพินมีรายได้จากการเก็บมะละกอครั่งขายได้ทุกวัน วันละ 60-70 ถุง (บรรจุถุงละ 10 กิโลกรัม) จะเก็บตามออร์เดอร์ที่แม่ค้าสั่งมาและเลือกเก็บผลใหญ่ออกจากต้นก่อนขายใน ตลาด อ.หล่มสัก ผู้บริโภคนิยมมากขึ้นเนื่องจากมีความกรอบและอร่อยกว่ามะละกอสายพันธุ์อื่น ๆ ในช่วงที่มะละกอออกสู่ตลาดมากจะขายได้ราคากิโลกรัมละ 5 บาท และราคามะละกอดิบจะแพงที่สุดคือช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะขายผลผลิตได้เฉลี่ยถึงกิโลกรัม 8-10 บาท ในพื้นที่ 2 ไร่ ของการปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งประมาณ 350 ต้นของคุณยุพิน เก็บมะละกอดิบส่งขายตลาดไปแล้ว 5,000 กิโลกรัม อายุต้นเพียง 4-5 เดือนเท่านั้น จากการสอบถามถึงปัญหาการระบาดของโรคไวรัสจุดวงแหวนพบว่ามีเพียง 5 ต้นเท่านั้น เมื่อพบได้ทำการเผาทิ้งทันที

ผลกะเทยและผลกลมของมะละกอพันธุ์ครั่งขายได้หมด
คุณยุพินบอก ว่า จากการเริ่มต้นปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งในพื้นที่ 2 ไร่นั้น พบว่า ต้นมะละกอที่ปลูกอยู่ในแปลงแบ่งออกเป็นได้ 3 ชนิด คือ ผลยาวหรือผลกะเทย โดยลักษณะผลจะยาวเรียว ประมาณ 30-50 เซนติเมตร ผลกลม (ดอกตัวเมีย) จะมีลักษณะผลกลมกว่าผลยาว แต่ไม่ถึงกลับกลมแบบมะละกอแขกดำหรือแขกนวล ถึงลักษณะผลจะกลมแต่ก็มีความยาวของผล ประมาณ 30 เซนติเมตร คุณยุพินบอกว่า ขายดิบให้พ่อค้าได้ทั้ง 2 ชนิด ได้ราคาเดียวกัน ไม่จำเป็นจะต้องตัดต้นตัวเมีย (ลูกกลม) ทิ้งเหมือนพันธุ์แขกดำและแขกนวล ชนิดสุดท้ายที่ยังพบอยู่บ้างคือ ต้นที่ไม่ออกดอกหรือเป็นดอกตัวผู้ คุณยุพินบอกว่า ในพื้นที่ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง 2 ไร่ จะพบบ้างประมาณ 2-3 ต้นเท่านั้น จะตัดต้นทิ้งทันที ซึ่งก็สอดคล้องกับทางศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดมหาสารคาม (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) ที่บอกว่า เมล็ดมะละกอพันธุ์ครั่งที่ผลิตได้จากทางศูนย์ยังอาจจะพบต้นตัวผู้บ้างแต่ว่า น้อยมาก

ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งยกแปลงปลูก แบบลูกฟูกและปลูกแถวเดียว
สภาพ ดินปลูกมะละกอของคุณยุพินจะมีลักษณะเนื้อดินค่อนข้างไปทางทราย จึงได้ซื้อหน้าดินมาถมเพิ่มเติมเพื่อให้สภาพดินเป็นร่วนปนทรายมากขึ้น (สภาพดินละแวกนี้เหมาะที่จะปลูกถั่วลิสง งาดำ และงาขาว) ในการเตรียมแปลงปลูกจะนำรถไถมายกแปลงปลูกเป็นลูกฟูก แต่ละแปลงจะปลูกมะละกอเพียงแถวเดียว โดยใช้ระยะปลูก 3x3 เมตร (พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 180 ต้น เมื่อต้นมะละกอเจริญเติบโตเต็มที่ทรงพุ่มจะชนกันพอดี แต่ในแปลงปลูกใหม่ในพื้นที่ 3 ไร่นั้น คุณยุพินได้ปรับระยะปลูกให้กว้างขึ้นคือ จะใช้ระยะปลูก 3.5x3.5 เมตร

น้ำและปุ๋ยเคมีมีความจำเป็นต่อการปลูกมะละกอครั่งในเชิงพาณิชย์
จาก การเดินสำรวจแปลงปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งของคุณยุพินพบว่า จุดเด่นที่สำคัญประการแรกคือ สภาพแปลงปลูกมีความสะอาดมาก โคนต้นมะละกอทุกต้นจะคลุมด้วยฟางข้าว มีจุดประสงค์เพื่อลดปริมาณวัชพืชและช่วยรักษาความชื้น ในการปลูกมะละกอของคุณยุพินจะไม่มีการใช้ยาฆ่าหญ้าเลย ในทางปฏิบัติจริงการใช้สารกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกมะละกอมีข้อจำกัดและเกษตรกร ผู้ปลูกจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้แต่การใช้ยากำจัดวัชพืชในกลุ่มของไกลโฟเสตอาจจะมีผลข้างเคียงกับต้น มะละกอได้ "น้ำ" จัดเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง คุณยุพินบอกว่า ตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่าให้ต้นมะละกอขาดน้ำ จะต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ สภาพแปลงปลูกมะละกอของคุณยุพินจะให้น้ำตามร่องเฉลี่ย 3-5 วัน ต่อครั้ง ในขณะที่การให้ "ปุ๋ยเคมี" คุณยุพินจะเน้นการใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 13-13-21 ให้กับต้นมะละกอที่ให้ผลผลิตแล้วเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ใส่ให้ต้นละ 1 กำมือโดยประมาณ ปัจจุบันราคาปุ๋ยเคมีมีราคาแพงมากขึ้น คุณยุพินได้สลับมาใช้ปุ๋ยคอกบ้าง (ใช้ปุ๋ยขี้ไก่) และมีการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบและฮอร์โมนบ้าง ได้ผลไม่แตกต่างจากการใช้ปุ๋ยเคมีมากนัก ประหยัดต้นทุนการผลิตไปได้มาก

ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งหลุมละ 1 ต้น หรือ 2 ต้น อย่างไหนดีกว่ากัน
ปัจจุบัน คุณยุพินได้ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งหลุมละ 1 ต้น และมีบางส่วนปลูกหลุมละ 2 ต้น คุณยุพินบอกว่า ถ้าปลูกหลุมละ 1 ต้น จะได้ต้นมะละกอที่มีลำต้นอวบอ้วน ขนาดของผลจะใหญ่และสมบูรณ์มาก ในขณะที่บางหลุมปลูก 2 ต้น จากการสังเกตพบว่า ต้นมะละกอยังคงความสมบูรณ์เพียงแต่ขนาดของลำต้นเล็กกว่าเพราะแย่งอาหารกัน ผลของมะละกอมีขนาดผลเล็กเรียวยาวและน้ำหนักน้อยกว่า แต่การปลูกหลุมละ 2 ต้นนั้น กลับพบข้อดีว่า ผลมะละกอพันธุ์ครั่งไม่มีขนาดใหญ่จนเกินไป เป็นที่ชื่นชอบของแม่ค้าที่รับซื้อไปขาย โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อไปบริโภคในครัวเรือน เนื่องจากขนาดของผลไม่ใหญ่จนเกินไป จากการเก็บข้อมูลการให้ผลผลิตมะละกอพันธุ์ครั่งที่สวนของคุณยุพินพบว่า ในแต่ละรุ่นหรือแต่ละครั้งจะให้ผลผลิตได้ต้นหนึ่งเฉลี่ยน้ำหนัก 20 กิโลกรัม

นอกจากนั้นแล้ว คุณยุพินยังได้มีเทคนิคในการตัดต้น ในขณะต้นมะละกอยังเล็กอยู่เพื่อให้มีการแตกยอดเพิ่มจากยอดเดียวเพิ่มเป็น 2-3 ยอด (คุณยุพินบอกว่า เหมือนมีมะละกอเพิ่มขึ้นมาจาก 1 ต้น เป็น 3 ต้น) มีผลทำให้ผลผลิตมะละกอเพิ่มขึ้นและต้นมะละกอไม่ต้องมีภาระไว้ผลมากเกินไป ต้นมะละกอจะร่ม เวลาเข้าไปทำหญ้าก็ไม่ร้อนมาก

มะละกอพันธุ์ครั่งค่อนข้างทนทานต่อโรคไวรัสจุดวงแหวน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันการแก้ปัญหาโรคไวรัสจุดวงแหวนในการปลูกมะละกอของประเทศไทยแบบ ยั่งยืนจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์มะละกอที่ตัดแต่งพันธุกรรมหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า เมล็ดมะละกอ GMOs และความเป็นจริงอีกเช่นกันที่การพัฒนามะละกอ GMOs ในบ้านเราถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจและมีความก้าวหน้าติดระดับ ต้นๆ ของทวีปเอเชีย แต่ยังมีบางหน่วยงานขององค์กรพัฒนาเอกชนไม่เห็นด้วย กลัวว่าเมื่อคนไทยบริโภคมะละกอ GMOs ไปแล้วอาจจะเป็นอันตรายได้ในอนาคต ทำให้งานทดลองและงานเผยแพร่ได้หยุดชะงักลง มะละกอพันธุ์ครั่งก็เช่นเดียวกันเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ต้านทานโรคไวรัสจุดวง แหวน แต่มีความทนทานได้ดีระดับหนึ่ง อย่างกรณีของคุณยุพิน บั้งทอง ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่งรุ่นแรกในพื้นที่ 2 ไร่นั้น พบว่า เป็นโรคไวรัสจุดวงแหวนเพียง 5 ต้นเท่านั้น และได้ทำลายเผาทิ้งทันที

ผลผลิตมะละกอพันธุ์ครั่งในช่วงฤดูแล้งได้ขายกิโลกรัมละ 10 บาท
จาก ที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่า ในพื้นที่ปลูกมะละกอพันธุ์ครั่ง จำนวน 2 ไร่ ของคุณยุพินหลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 4 เดือนเศษ ได้เก็บผลมะละกอดิบส่งขายตลาดในอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ไปแล้วประมาณ 5 ตัน หรือ 5,000 กิโลกรัม ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มะละกอออกสู่ตลาดมากๆ (ทุกสายพันธุ์) ราคาของมะละกอพันธุ์ครั่งจะขายส่งได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3-4 บาท โดยคุณยุพินจะเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเวลาเช้าในแต่ละครั้งที่พ่อค้ามี ออเดอร์มาจะเก็บเกี่ยว ประมาณ 70-80 ถุง บรรจุถุงละ 10 กิโลกรัม โดยคุณยุพินจะเลือกเก็บผลใหญ่ๆ ออกจากต้นก่อน หลายคนยังไม่ทราบว่าสำหรับมะละกอพันธุ์ครั่งจะเก็บขายผลดิบเพื่อใช้บริโภค เป็นส้มตำได้นั้น จะเก็บได้หลังจากที่ออกดอกแล้วนับไปอีกเพียง 30-45 วันเท่านั้น

คุณยุพินมักจะวางแผนกักผลผลิตมะละกอพันธุ์ครั่งไว้รอ ราคาขายในช่วงฤดูแล้งคือ ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะขายได้ราคาสูงกว่าเท่าตัว ในช่วงฤดูแล้งจะขายได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 10 บาท

มะละกอพันธุ์ครั่งดิบเก็บรักษาในสภาพอุณหภูมิปกติได้นานถึง 7 วัน
มะละกอ พันธุ์ครั่งมีจุดด้อยที่พ่อค้าไม่ชอบตรงที่มีร่องที่ผลและคนไทยส่วนใหญ่ยัง ไม่รู้จัก แต่เมื่อได้ซื้อไปทำส้มตำแล้วล้วนแต่ประทับใจกันทุกราย โดยเฉพาะในเรื่องของความกรอบและอร่อยกว่ามะละกอดิบสายพันธุ์อื่นๆ (ความจริงแล้วมะละกอพันธุ์ครั่งเมื่อสุกมีรสชาติหวานพอใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมบริโภคดิบมากกว่า) ข้อดีประการหนึ่งที่พ่อค้าชอบมะละกอพันธุ์ครั่งก็คือ เก็บรักษาได้สภาพอุณหภูมิปกติได้นานถึง 7 วัน โดยผลไม่เหี่ยวและคุณภาพของเนื้อไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่มะละกอดิบพันธุ์อื่นเก็บไว้ 2-3 วัน ก็เหี่ยวแล้ว (มะละกอถ้าผลเหี่ยวแล้วจะทำส้มตำไม่อร่อย)

หนังสือ "ครั่ง" มะละกอไทยพันธุ์ใหม่เพื่อทำส้มตำ พิมพ์ 4 สี แจกฟรีพร้อมกับหนังสือ "เทคนิคการผลิตมะละกอเงินล้าน" จำนวน 120 หน้า เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์ 50 บาท ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/200 ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร. (056) 613-021, (056) 650-145 และ (081) 886-7398 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=154958&NewsType=1&Template=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น