การปลูกมะระจีน
มะระ
เป็นพืชเถาว์เจริญเติบโตได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย
ใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด ผัด แกงจืด แกงเผ็ด รับประทานสดๆ
คู่กับน้ำพริกแมงดาก็อร่อย มะระได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นสมุนไพรช่วยป้องกันและบำบัดโรคได้หลายชนิด
ใบ มีรสขม ต้มดื่มแก้ไช้หวัด ไช้ตัวร้อน บำรุงนำดี ดับพิษฝีที่ร้อน แก้ปากเปื่อย เป็นขุม
ลูก
รสขม แก้ตับม้ามพิการ บำรุงน้ำดี ขับพยาธิในท้อง แก้ลมเข้าข้อ
แก้ปวดบวมตามเข่า ลดน้ำตาลในเลือด ต้มน้ำกินแก้ร้อนใน กระหายน้ำ
ผลแห้งบดเป็นผงแก้คันได้
ราก ใช้รากสดตำพอกแก้อาการปวดฟัน ใช้รากสดหนัก 4 บาท น้ำกรวดหนัก 4
บาท ต้มกินน้ำ แก้บิดปวดท้อง ถ่ายเป็นเมือกได้ดี (น้ำหนักที่เรียกว่า บาท
นั้นเป็นหน่วยชั่งทางการแพทย์สมุนไพร หรือ น้ำหนัก
ที่ใช้ชั่งตวงสมุนสมุนไพร
การปลูกมะระ
สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี เป็นพืชที่ทำเงินได้เร็ว
มะระได้มีการปรับปรุงให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มะระเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำท่วมขัง
หากเป็นที่ลุ่มเกษตรกรต้องยกร่องให้พ้นน้ำ การเตรียมดิน
เมื่อทำการไถให้เกษตรกรปรับสภาพดินด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก
และเสริมด้วยน้ำหมักชีวภาพ นำเมล็ดเพาะลงในแปลงเพาะประมาณ 15 วัน ก็ย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูก ระยะห่างระหว่างต้น 1 เมตร ระหว่างแถว 2 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 800 ต้น
การทำค้าง ใช้ไม้รวกขนาดความยาว 2
เมตร มัดเป็นระยะๆ ขึงด้วยเชือกไนล่อนทั้งในแนวยาว และ แนวขวาง
ต้นมะระก็จะเลื้อยไปบนค้าง และผลก็จะห้อยลงด้านล่าง ใบก็จะช่วยพรางแสง
ทำให้ผลมีผิวสวย เมื่อมะระโตขนาดความยาว 5-6 นิ้ว ให้ทำการห่อผลด้วยกระดาษ โดยห่อการะดาษให้กลมเหมือนท่อก่อน กะความยาวซักประมาณ 15 นิ้ว แล้วนำไปสวมผลลูกมะระ ปิดหัวท้ายกระดาษด้วยแม็ก หรือกลัดด้วยไม้กลัด ก็ได้ เพื่อป้องกันแมลงเจาะผล ระยะเวลาเพียง 45 วัน ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว มะระหากฉีดทางใบและรดราดทางดิน ประกอบกับการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
หากให้น้ำด้วยระบบน้ำหยดจะทำให้ต้นมะระสมบูรณ์ดียิ่งขึ้น ให้ผลผลิตถึง 6 ตันต่อไร่ ราคาขายส่งอยู่ที่ระหว่างกิโลกรัมละ 10-15 บาท 1 ไร่จะมีรายได้ 60,000-90,000 บาท/ไร่/ครั้งหนึ่งการเก็บเกี่ยว ในแต่ละรุ่นใช้เวลาการปลูกประมาณ 80-90 วัน
เกษตรกรควรทยอยปลูก วางแผนให้มีการเก็บเกี่ยวได้ทุกวัน
ให้พอเหมาะกับความต้องการของตลาด
ป้อนตลาดได้ตลอดได้ทุกวันตลอดทั้งเดือนทั้งปี
เมื่อทิ้งแปลงแล้วให้สลับด้วยพืชตระกูลถั่ว แล้วจึงค่อยปลูกมะระในรอบถัดไป
ในเวลา 1 ปลูกได้ 2 ครั้ง เท่ากับสร้างปีละ 120,000-180,000 บาท ต่อไร่ต่อปี คิดเพียงแค่การปลุกมะระเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หนึ่งปีปลูกมะระ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน สลับปลูกถั่ว 3 เดือน 2 ครั้ง ถ้าได้กำไรจากการปลูกถั่ว 20,000 บาท ต่อไร่ต่อหนึ่งรอบการปลูก ปลูก 2 รอบก็จะมีรายได้จาการปลูกถั่ว 40,000 บาทต่อไร่ ต่อปี รวมรายได้จากการปลูกถั่วและมะระแล้วจะมีรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 40,000+180,000 ก็จะมีรายได้ในปีนั้น 220,000 บาท นี่ถือว่าเป็นรายได้ที่แสนจะคุ้มค่าต่อการลงทุนในพื้นที่ 1 ไร่ ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ไมตรงตามนี่ อาจจะต่างกันซัก 60,000 บาท ก็ถือว่าไม่น้อยแล้วสำหรับพื้นที่ 1 ไร่ที่ทำการปลูก เมื่อปลูกมะระ 1 ไร่โดยเฉลี่ยว่า 1 ไร่มีรายได้ 1 แสนบาทต่อปี อยากมีรายได้ 500,000 บาทต่อปีก็ปลูกมะระ 5 ไร่ อยากมีรายได้ 1,000,000 บาทต่อปี ก็ปลูกมะระ 10 ไร่ โดยแนะว่าท่านต้องทยอยปลูกจะทำให้การดูแลง่ายขึ้น
ไม่
ว่าท่านจะปลูกอะไร กี่ไร่ กี่ครั้ง จำนวนเท่าใด ต้องเอาตลาดเป็นตัวนำ
ดูความต้องการของตลาดเป็นหลัก
ทางที่ดีการวางแผนท่านควรที่จะสืบค้นตลาดที่มีอยู่ในพื้นที่ที่ท่านอยู่
โดยศึกษาจากวงแคบๆ
จนออกเป็นวงกว้างแล้วตรวจดูความต้องการของตลาดว่าตลาดต้องการผลผลิตประเภทใด
มากที่สุด และผลผลิตที่ตลาดมีความต้องการรองลงมาเป็นลำดับ และตรวดดูราคา
เช็คคำนวณเวลา ต้นทุน การหมุนเวียน การผสมพืชอย่างอื่นในการปลูก
การคำนวณไม่เป็นการยากสำหรับเราที่จะใช้ในการวางแผนเพื่อให้เกิดผลผลิตที่ดี
กว่า และ มีรายได้ที่ดีกว่า การทำงานที่มีรูปแบบแผนย่อมมีการทำที่ง่ายกว่า
และมีระบบปรับปรุงที่ง่ายกว่าแน่นอนกว่า
ตลาดไม่จำเป็นต้องเป็นตลาดส่งผู้ค้านายทุนอย่างเดียว
อาจมีการหาตลาดในหมู่บ้าน ผู้บริโภค ร้านค้า ร้านอาหาร โรงงาน
ความคิดเป็นสิ่งที่ไม่ต้องลงทุนด้วยเงิน และยังทำให้เกิดในสิ่งที่ดีกว่า
เมื่อเราคิดอย่างมีระบบ หาความถูกต้องได้
และผลสำเร็จที่เป็นความจริงที่แน่นอนบนสิ่งนั้นๆ
จะทำอะไรต้องมีการวานแผนในสิ่งที่ทำ คิดแบบนี้ ทำแบบนี้
หากยังจนอยู่อีกก็ให้มันรู้กันไปซิ
อ้างอิงที่มาจาก หนังสือ ชี้ช่องทางการทำกิน โดยอาจารย์ สมพล รักหวาน
นาย อนุสรณ์ ชลเกษม ผู้พิมพ์เอกสารฉบับนี้